การปลูกเมล่อน
การปลูกเมล่อน ปลูกแตงเทศ ( Melon )
ข้อมูลทั่วไป
เมล่อนเป็นพืชที่อยู่ในตระกูล ( Family ) Cucurbitaceae ใช้รับประทานผลสุกมีกลิ่นหอม รสหวาน เจริญได้ดีในสภาพร้อนแห้ง แสงแดดจัด ปัจจุบันมีการผลิตลูกผสมออกมาหลลายพันธุ์ที่เจริญได้ดี ในสภาพภูมิประเทศของประเทศไทยการผลิตเมล่อนที่มีคุณภาพสูง จำเป็นต้องมีการดูแลเอาใจใส่ในการเพาะปลูกเป็นอย่างดี
เมล่อนที่พบเห็นส่วนใหญ่สามารถจำแนกออกได้เป็น 5 ชนิด ดังนี้
· C. melon var.cantaloupensis เรียกว่า Cantaloupe หรือ rock melon ขนาดผลค่อนข้างใหญ่น้ำหนักมากกว่า 1 กิโลกรัม ขึ้นไปเปลือกผลหนาขรุขระ มีร่องเป็นทางยาวโดยรอบทางขั้วถึงก้น เนื้อแตงแคนตาลูปส่วนใหญ่เป็นสีส้ม
· C. melon var. recticulatus เรียกว่า musk melon , netted melon, persian melon ขนาดผลเล็กกว่าแคนตาลูป เปลือกของผลส่วนใหญ่เป็นตาข่ายสานกันเป็นลายค่อนข้างถี่สม่ำเสมอ ผลมีลักษณะกลมไม่มีร่องตามยาวเหมือนแคนตาลูปส่วน สีเนื้อมีตั้งแต่สีส้มถึงสีเขียว
· C. melon var.inodorus เรียกว่า winter melon ผิวผลเรียบไม่มี net
· C. melon var.flexuosus เรียกว่า snak melon เป็นพวกแตงไทย
· C. melon var. conomon เรียกว่า oriental pickling melon
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการปลูก
เมล่อนสามารถเจริญเติบโตได้ในดินแทบทุกชนิด แต่ดินที่เหมาะสมคือดินร่วนปนทราย ระบายน้ำดี เมล่อนเป็นพืชที่ไม่ชอบน้ำขัง แต่ต้องการน้ำสม่ำเสมอสภาพความเป็นกรดเป็นด่างที่เหมาะสมควรอยู่ระหว่าง pH 6.5 – 7 หรือสภาพดินเป็นกลาง สภาพอากาศที่เหมาะสมคืออากาศอบอุ่น มีแสงแดดอย่างเพียงพอและความชื้นสัมพัทธ์ต่ำ ในช่วงการเจริญเติบโตทางด้านลำต้นและใบ ส่วนในระยะผลแก่จะต้องการน้ำน้อยลง
เมล่อนเป็นพืชที่ชอบอากาศค่อนข้างร้อน อุณหภูมิประมาณ 25 – 35 องศาเซลเซียส ในฤดูร้อน และการเจริญเติบโตของเถาจะช้าลงในฤดูหนาว
การเตรียมแปลงปลูก
เตรียมดินโดยการไถ 2 ครั้ง , ครั้งแรกใช้ผาน 3 ครั้งที่สองใช้ผาน 7 ผสมปุ๋ยคอกที่สลายตัวดีแล้ว อัตรา 1 ตัน/ ไร่ ปุ๋ยรองพื้นตรากระต่ายสูตร 15 –15 –15 อัตรา 50 กิโลกรัม / ไร่ ผสมคลุกเคล้าปุ๋ยกับดินให้ทั่วบนแปลง ยกแปลงตามวิธีการปลูกถ้าปลูกเลื้อยดินยกแปลงกว้างขนาด 3.5 – 4.0 เมตร ถ้าปลูกแบบขึ้นค้าง
ยกแปลงกว้าง 1 เมตร ย่อยดินให้ละเอียดพอสมควรแต่งแปลงให้มีความกว้างบนแปลง 80 เซนติเมตร สูง 15 – 20 เซนติเมตร ปูฟางบนแปลงและร่องระหว่างแปลง หรืออาจใช้วัสดุอื่นคลุมแปลง ก่อนปลูกใช้ฟูราดานรองก้นหลุมกันแมลง
วิธีการปลูก โดยทั่วไปแบ่งเป็น 2 แบบคือ
· หยอดเมล็ด ปลูกเมล่อน ปลูกแตงเทศ โดยตรง หลุมละ 1-2 เมล็ด ก่อนปลูกควรคลุกสารเคมีป้องกันโรคทางเดิน
· เพาะกล้าแล้วย้ายปลูก
ระบบการปลูก แบ่งเป็น 2 ระบบคือ
· ปลูกแบบเลื้อยตามผิวดิน เกษตรกรทั่วไปมักปลูกแบบเลื้อยดิน แต่มีผลเสียคือไม่ได้คุณภาพตามความต้องการ ไม่หวาน สะสมโรคแมลงขายไม่ได้ราคา เราจึงไม่แนะนำให้ปลูกลักษณะนี้
· ปลูกแบบขึ้นค้าง การปลูกแบบวิธีนี้เป็นที่นิยมโดยทั่วไป โดยปักไม้ค้างห่างจากหลุมปลุก
ประมาณ 10 เซนติเมตร ทำค้างแบบกระโจมสามเหลี่ยมแล้วผูกลำไม้ที่ทำค้าง อาจทำราวเพียงชั้นเดียวหรือสองชั้นก็ได้ขึ้นราวห่างจากพื้นดิน 80 – 100 เซนติเมตร และชั้นสองห่างจากพื้นดิน 150 – 180 เซนติเมตร ราวชั้นแรกทำเพื่อแขวนผล ส่วนราวชั้นที่สองทำเพื่อพยุงส่วนยอด เมื่อเถายาวประมาณ 40 เซนติเมตรจัดเถาให้เลื้อยขึ้นค้างโดยใช้เชือกฟางฉีกเป็นเส้นเล็กๆมัดตรงเถาพยุงไว้กับไม้ค้าง เรียกวิธีการนี้ว่าการผูกยอดระยะปลูกระหว่างแปลงประมาณ 80 เซนติเมตร ( ระยะระหว่างแปลงยิ่งกว้างยิ่งทำงานสะดวก )

การปฎิบัติดูแลรักษา
การให้น้ำ ปลูกเมล่อน ปลูกแตงเทศ แบ่งเป็น 4 ระยะคือ
· ระยะแรก เป็นระยะที่มีการเจริญเติบโตทางลำต้นตั้งแต่ปลูกจนถึงอายุ 35 – 40 วัน หรือก่อนการ
ออกดอกให้น้ำอย่างเพียงพออย่าให้ดินแห้งให้ดินมีความชื้นตลอดเวลาแต่อย่าให้แฉะเกินไป เพราะจะทำให้เกิดโรคเน่าคอดินได้ง่าย
· ระยะที่สอง เป็นระยะที่มีการผสมเกสร ลดปริมาณน้ำลงเล็กน้อยแต่อย่าให้ดินแห้ง พยายามอย่า
ให้น้ำถูกดอกเพราะจะทำให้ละออองเกสรตายได้
· ระยะที่สาม เป็นระยะหลังติดผลและมีการเจริญเติบโตของผลให้น้ำอย่างเต็มที่เหมือนระยะแรก
ถ้าขาดน้ำช่วงนี้ผลจะแกร็นเจริญเติบโตไม่เต็มที่
· ระยะที่สี่ เป็นระยะที่มีการพัฒนาคุณภาพ ซึ่งอยู่ในช่วงประมาณ 15 – 20 วันก่อนเก็บเกี่ยว จะลด
ปริมาณน้ำลงเรื่อยๆ จนกระทั่งหยุดให้น้ำและปล่อยให้ดินแห้งก่อนเก็บเกี่ยว 5 วัน เพื่อให้ผลมีรสหวานขึ้น
การใส่ปุ๋ย ปุ๋ยทางดินแบ่งใส่ 4 ระยะคือ
· ระยะแรก ปุ๋ยรองพื้นก่อนปลูก โดยใช้ปุ๋ยตรากระต่ายสูตร 15-15-15 อัตรา 50 กิโลกรัม /ไร่ กับ
ปุ๋ยคอก 1 ตัน/ไร่ พรวนให้เข้ากันบนแปลงปลูก
· ระยะที่สอง เมื่ออายุ 15 – 20 วันหลังย้ายปลูก ใช้ปุ๋ยตรากระต่ายสูตร 15-15-15 อัตรา 50
กิโลกรัม/ไร่ โรยรอบโคนต้นห่างจากโคนต้นประมาณ 10 – 15 เซนติเมตร แล้วให้น้ำตาม
· ระยะที่สาม เมื่ออายุ 40 – 45 วัน หลังย้ายปลูก ใช้ปุ๋ยตรากระต่ายสูตร 15-15-15 อัตรา 50
กิโลกรัม / ไร่ โรยตามขอบแปลงแล้วให้น้ำตาม
· ระยะที่สี่ เมื่ออายุ 55- 60 วันหลังย้ายปลูกใช้ปุ๋ยสูตรตรากระต่าย 15-15-15 หรือ 8 – 24 –24 อัตรา
50 กิโลกรัม / ไร่ โรยในร่องระหว่างแปลงแล้วให้น้ำตาม
สำหรับปุ๋ยน้ำเร่งการเจริญเติบโต ใช้ในระยะที่มีการเจริญเติบโตทางด้านลำต้นและกิ่งก้าน โดยหลังงอก 2-3 วันใช้มามีโกร สูตร 12 – 9 – 6 ผสมมาโมมิก ( ธาตุอาหารเสริม ) และอโทนิค โดยผสมกับยากันราราดต้นกล้าสูตรนี้สามารถใช้ทุก 3-5 วันจนกว่าจะมีใบจริง 6-7 ใบหรือผสมปุ๋ยยูเรีย ( 46-0-0 ) อัตรา 10 กรัม / น้ำ 10 ลิตร ทุก 7 วันเมื่อต้นกล้ามีใบจริงแล้ว ในช่วงก่อนออกดอกเปลี่ยนปุ๋ยมามีโกร เป็นสูตรตัวกลางและตัวท้ายสูง คือ ใช้สูตร 10 – 52 – 17 หรือ 6 –32 –35

การผูกยอดและการเด็ดยอด
เมื่อเมล่อนเริ่มทอดยอดควรใช้เชือกฟางผูกหลวมๆบริเวณใต้ข้อปล้องที่ 2-3 จากยอดยึดกับค้างโดยผูกทุกๆ 3 ปล้อง ปกติค้างจะมีความสูงประมาณ 150 – 180 เซนติเมตร ควรเด็ดยอดทิ้งเมื่อเมล่อนมีความสูงประมาณ 140 เซนติเมตร
การตัดแขนงและการไว้ผล
จะเริ่มไว้ผลตั้งแต่ข้อที่ 9 – 12 หรือสูงจากพื้นดินประมาณ 50 เซนติเมตร โดยเด็ดแขนงที่แตกจากข้อที่ 1-8 ออกให้หมด ผลที่ไว้นั้นให้เหลือใบไว้กับผล 2 ใบ และควรเก็บใบไว้เหนือผลขึ้นไป 12 – 15 ใบเพื่อไว้เลี้ยงผล เมื่อผลมีขนาดโตเท่าไข่ไก่ก็เลือกผลที่ดีที่สุดไว้ 1 ผล ที่เหลือเด็ดทิ้งหมดตลอดจนแขนงที่ออกจากข้อทั้งเหนือและให้ผลเด็ดออกให้หมด สำหรับการคล้องผลนั้นจะเลือกผลที่ดีที่สุดแล้วใช้เชือกฟางทำเป็นบ่วงคล้องพยายามอย่าให้เชือกฟาง รัดบริเวณขั้วผลเพราะจะทำให้ขั้วผลถูกรัดเมื่อมีน้ำหนักมากขึ้นและเจริญเติบโตไม่เต็มที่ เมื่อคล้องผลแล้วผูกปลายเชือกอีกด้านหนึ่งเข้ากับค้าง จัดให้แขนงของผลเข้ากับพื้นดินผูกเชือกให้แน่น
การเก็บเกี่ยวหลังการปลูกเมล่อน
เมล่อนมีอายุตั้งแต่ปลูกจนถึงเก็บเกี่ยวประมาณ 70 – 80 วันทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพันธุ์และฤดูปลูกเมล่อนพันธุ์เบาเก็บเกี่ยวได้เร็วและเมล่อนที่ปลูกในฤดูร้อน ผลจะสุกเร็วกว่าในฤดูหนาว เมล่อนเริ่มติดผลเมื่อมีอายุได้ประมาณ 35 – 40 วันหลังย้ายปลูกเมื่อผลมีขนาดเท่าไข่ไก่จะเริ่มทำการห่อผล หลังจากห่อผลประมาณ 1 เดือนก็จะสามารถที่จะทำการเก็บเกี่ยวได้ นอกจากนี้ยังสามารถสังเกตุระยะที่เหมาะสมในการเก็บเกี่ยวได้ดังต่อไปนี้ รอยแยกของขั้ว สังเกตระหว่างขั้วกับผล ถ้ามีรอยร้าวสีน้ำตาลเกิดขึ้นแสดงว่าสามารถเก็บเกี่ยวได้สีของผล ผลจะเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีครีมหรือสีเหลือง สีส้ม สีขาวขุ่นปนเหลืองหรือสีนวลรอยนูนของร่างแห ( Net ) เมล่อนที่มีตาข่ายเมื่อสุกรอยนูนของตาข่ายจะคลุมผล แข็งนูนเห็นชัด กลิ่น บางพันธุ์เมื่อสุกจะมีกลิ่นหอม ซึ่งสามารถเก็บเกี่ยวได้ นับอายุ โดยนับจากช่วงผสมเกสรตามอายุของพันธุ์นั้นๆ ใช้หลายวิธีประกอบกันในการตัดสินใจ เนื่องจากเมล่อนเป็นพืชที่ค่อนข้างตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมง่าย ซึ่งวิธีนี้จะเหมาะกับพื้นที่ที่มีการแปรปรวนของสภาพแวดล้อม อยู่เสมอ การตัดเมล่อน นอกจากตัดขั้วติดมาแล้วยังต้องตัดให้ติดส่วนของกิ่งแขนงย่อยออกมาด้วย โดยให้ติดเป็นรูปตัว T หลังจากเก็บเกี่ยวเมล่อนจะเก็บรักษาไว้ได้ประมาณ 15 –20 วัน แล้วแต่พันธุ์ ซึ่งการบ่มไว้จะทำให้รสชาติความหวานเพิ่มขึ้น ก่อนการเก็บเกี่ยวประมาณ 5 วัน ควรงดการใช้น้ำเพื่อให้ผลเมล่อนมีความหวานมากขึ้น
เมล่อนจะมีผลแต่ละพันธุ์ไม่เท่ากัน เฉลี่ยแล้วผลผลิตที่ได้ประมาณ 4,800 กิโลกรัมต่อไร่
เมล่อนเฉลี่ยกิโลกรัมละ 30 บาท * 4,800 กิโลกรัม = 144,000 บาท
ต้นทุนการผลิต / ไร่ = 24,000 บาท
ผลกำไรที่ได้ = 144,000 – 24,000 = 120,000 บาท
ขอขอบคุณ : ข้อมูลจาก กรมส่งเสริมการเกษตร
ตัวอย่างโครงการของสถาบันส่งเสริมและพัฒนาเกษตรอินทรีย์เพื่อการส่งออก (สพอ.)




ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น