มะละกอเรดเลดี้

ปลูกมะละกอ เรดเลดี้ (RED LADY)


ปลูกอะไรดี,การเกษตร,กรมส่งเสริมการเกษตร,ธนาคาร ธกส,ธกส,กระทรวงเกษตรและสหกรณ์,เกษตร,พืชเศรษฐกิจ,เมล่อน,ถั่งเช่า,ถังเช่า,หมามุ่ยอินเดีย,โกโก้,อินทผาลัม,ถั่วดาวอินคา,ดีปลี,พริก,หญ้าหวาน,มะเขือเทศ,มะละกอ,กล้วย,กล้วยปากช่อง50,มะละกอเรดเลดี้,พริกขาวปทุม,ทำไร่,

 
       เมื่อพูดถึง "มะละกอ" ผลไม้รูปทรงยาวรี  "108 เคล็ดกิน"  ก็มีอันต้องนึกไปถึงส้มตำก่อนทุกที คงเป็นเพราะเรามักจะได้เห็นมะละกอในรูปแบบ
ของส้มตำจานเด็ดอยู่เสมอๆ แต่นอกจากส้มตำแล้ว มะละกอก็ยังเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ทางยาอีกมากมาย เช่น ใบมะละกอสดนำมาย่างไฟและนำมาประคบช่วยแก้อาการปวดบวมได้ ใบใช้ต้มกินเพื่อขับปัสสาวะ เมล็ดต้มกินเพื่อขับพยาธิ ขับประจำเดือน ยางมะละกอแก่พิษตะขาบกัดแมลงสัตว์กัดต่อย รวมไปถึงช่วยหมักเนื้อให้นุ่มได้อีกด้วย  แต่สิ่งที่เรามักใช้ประโยชน์กับมะละกอมากที่สุดก็คงจะเป็นผลมะละกอ ที่กินได้ทั้งสุกและดิบ ผลดิบก็สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลายอย่าง นอกจากส้มตำแล้วก็ยังนำไปต้มหรือนึ่งกินกับน้ำพริกชนิดต่างๆ จะนำไปผัดกับไข่ หรือจะแกงส้มมะละกอก็อร่อยไม่น้อย


                ส่วนผลสุกนั้นต้องถือว่าเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพได้เลยทีเดียว เพราะในผลสุกนั้นอุดมไปด้วยวิตามินเอ บี 1 บี 2 แคลเซียม และที่สำคัญคือ สารเบต้าแคโรทีน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงและทำให้ผิวพรรณดียิ่งขึ้น รวมทั้งช่วยชะลอความแก่ และริ้วรอยก่อนวัยอันควร แถมยังช่วยบำรุงอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกาย แก้กระหายน้ำ บำรุงโลหิต บำรุงระบบประสาท บำรุงสายตา และที่สำคัญ มะละกอสุกนั้นช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี แก้ท้องผูก ป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ด้วย

 
ปลูกอะไรดี,การเกษตร,กรมส่งเสริมการเกษตร,ธนาคาร ธกส,ธกส,กระทรวงเกษตรและสหกรณ์,เกษตร,พืชเศรษฐกิจ,เมล่อน,ถั่งเช่า,ถังเช่า,หมามุ่ยอินเดีย,โกโก้,อินทผาลัม,ถั่วดาวอินคา,ดีปลี,พริก,หญ้าหวาน,มะเขือเทศ,มะละกอ,กล้วย,กล้วยปากช่อง50,มะละกอเรดเลดี้,พริกขาวปทุม,ทำไร่,

            มะละกอ พืชเศรษฐกิจชนิดหนึ่งที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาจะได้รับผลกระทบบ้างบางส่วนจากกระแสข่าวของการตัดต่อพันธุกรรมพืชแต่ก็มิใช่หมายความว่าทุกแปลงปลูกจะเป็นพืชที่ต้องถูกทำลายเพียงเพราะเป็นพืชที่ตัดต่อพันธุกรรม ในส่วนพื้นที่ภาคเหนือก็เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่มีการปลูกมะละกอกระจายอยู่เกือบทุกจังหวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปลูกมะละกอพันธุ์เรดเลดี้ ทั้งนี้ เพราะมะละกอเป็นพืชที่สามารถเจริญเติบโตได้ดีในทุกสภาพอากาศ การดูแลไม่ยุ่งยาก สามารถสร้างรายได้ให้ในระยะเวลาอันสั้นเพียง 6 เดือน ก็สามารถเก็บผลผลิตขายได้


            เรดเลดี้ (RED LADY) มะละกอลูกผสมเบอร์ 786  เป็นมะละกอลูกผสมพันธุ์ใหม่ที่เปิดตัวสายพันธุ์มากว่า 3 ปีแล้ว มะละกอสายพันธุ์นี้มีจุดเด่นคือ ให้ผลผลิตและติดผลเร็ว ลำต้นสูง 80 เซนติเมตร ก็สามารถติดดอกออกผลได้เร็ว โดยในแต่ละต้นจะมีจำนวนผลดกเฉลี่ย 30 ผล ต่อต้น ลักษณะผลสั้นจนถึงยาวรี น้ำหนักเฉลี่ย 1,500 กรัม - 2,000 กรัม ผลที่เกิดจากต้นตัวเมียจะมีลักษณะกลม-สั้น เนื้อสีส้มแดง เนื้อหนาสีส้มแดง กรอบ กลิ่นหอม ความหวาน 13 บริกซ์ เหมาะสำหรับการรับประทานสุกหรือดิบ ทนทานต่อการขนส่งได้ดี เป็นพันธุ์ที่ให้ผลผลิตเร็ว ต้านทานโรคใบจุดวงแหวน (Ring Spot) ที่เกิดจากไวรัสได้เป็นอย่างดี
 

การขยายพันธุ์และการดูแลรักษามะละกอเรดเลดี้

โดยทั่วไปแล้วมะละกอจะมีอยู่ 3 เพศคือ
1. มะละกอเพศผู้ มะละกอชนิดนี้ไม่สามารถให้ผลผลิตได้
2. มะละกอเพศเมีย มะละกอชนิดนี้ให้ผลผลิตได้ แต่ผลกลม เนื้อบาง
3. มะละกอเพศกะเทย (สมบูรณ์เพศ) มะละกอชนิดนี้ให้ผลผลิตดีที่สุด

            สำหรับวิธีการขยายพันธุ์ที่นิยมมากที่สุด แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ การเพาะเมล็ดและการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ การเพาะเมล็ดลงในกระบะทราย เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด ทรายที่ใช้ต้องเป็นทรายหยาบ สะอาด และเป็นทรายจืด เพาะเมล็ดโดยเตรียมกระบะไม้หรือกระบะพลาสติกที่มีรูระบายน้ำด้านล่าง รองด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์หนึ่งชั้น เททรายลงในกระบะเกลี่ยให้เรียบ ความหนาประมาณ 2-3 นิ้ว รดน้ำให้ชุ่มทำร่องบนทรายให้ลึก 1.5 เซนติเมตร ห่างกันแถวละ 1.5-2 นิ้ว

            เมล็ดมะละกอที่จะหยอดต้องคลุกด้วยยาป้องกันเชื้อรา เช่น Apron 35 wp. คลุกเมล็ดให้เป็นสีชมพูจางๆ จะทำให้ต้นกล้าแข็งแรงไม่เป็นโรคโคนเน่าแล้วจึงโรยเมล็ดในร่องทราย กลบและใช้หลังมือตบเบาๆ ให้ทรายอัดตัว เมื่อเมล็ดงอก ทรายจะช่วยขัดสีไม่ให้เปลือกหุ้มเมล็ดติดต่อกับส่วนยอดของกล้า

            เมื่อเพาะเมล็ดประมาณ 6 วัน เมล็ดจะงอก จากนั้นประมาณ 8-10 วัน ควรย้ายกล้าออกจากกระบะทรายลงไปในพลาสติกสีดำที่มีจำนวน 104 หลุม ใส่มีเดีย (วัสดุเพาะปลูกที่ใช้แทนดิน) ลงให้เต็มช่องหลุมได้ฟื้นตัวในเวลากลางคืน และใน 2-3 วันแรกของการเคลื่อนย้ายต้นกล้า ควรพรางแสงต้นกล้าด้วยซาแรน ขนาด 70 เปอร์เซ็นต์ ต้นกล้าจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว และเมื่อฟื้นตัวดีแล้วจึงย้ายปลูก

            มะละกอ เป็นพืชที่มีระบบรากตื้นและกว้าง การเลือกพื้นที่ปลูกจึงควรเลือกพื้นที่โล่งแจ้ง มีแสงแดดตลอดวัน น้ำไม่ท่วมขัง มีการระบายน้ำได้ง่าย มีแหล่งน้ำเพียงพอตลอดปี มะละกอเป็นพืชที่ลูกดก หากมีธาตุอาหารและให้ปุ๋ยที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต ภายใน 1 ปีจะให้ผลผลิตได้มากมาย ปุ๋ยที่สำคัญ ได้แก่ ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตราประมาณ 100 กิโลเมตร ต่อไร่ และสูตร 0-46-0 อัตราประมาณ 25 กิโลกรัม ต่อไร่ ปุ๋ยคอก เน้นปุ๋ยมูลไก่ อัตราประมาณ 800-1000 กิโลกรัม ต่อไร่ ธาตุอาหารเสริมที่จำเป็นและต้องใส่เมื่อเตรียมดินครั้งแรกด้วยคือ ธาตุโบรอน ในรูปของสารบอแรกซ์ อัตรา 2-3 กิโลกรัม ต่อไร่
 

การดูแลรักษา
            การให้น้ำ ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอและเพียงพอ อย่าให้ขาดน้ำเพราะถ้ามะละกอขาดน้ำต้นอาจชะงักการเจริญเติบโต ไม่ติดดอกออกผล การให้น้ำมะละกอไม่ควรให้น้ำแฉะเกินไป เพราะมะละกอเป็นพืชไม่ชอบน้ำมากแต่ขาดน้ำไม่ได้

            การพรวนดิน ควรมีการพรวนดินกำจัดวัชพืช ในช่วงแรกอย่าให้มีวัชพืชรบกวนและต้องมีการกลบโคนต้นในช่วงหลังปลูกประมาณ 1 เดือน การทำไม้หลัก เป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นมากเนื่องจากมะละกอเป็นพืชที่มีลำต้นค่อนข้างอวบ ให้ผลผลิตและมีน้ำหนักมาก ดังนั้น จึงจำเป็นต้องทำหลักเพื่อพยุงลำต้นไม่ให้ล้ม ส่วนการไว้ผลและตัดแต่ง การปลูกมะละกอถ้าจะให้ได้คุณภาพผลผลิตที่ดี ควรทำการปลิดผลที่ไม่สมบูรณ์ทิ้ง เพราะนอกจากจะแย่งอาหารแล้วยังทำให้ผลผลิตไม่ได้คุณภาพ

            ส่วนวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเพื่อขยายพันธุ์ของมะละกอเรดเลดี้ เบอร์ 786 จะได้ผลดีและมีคุณภาพมากกว่า เพราะมะละกอเรดเลดี้ เบอร์ 786 เป็นมะละกอที่ผลิตจากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ซึ่งผ่านการคัดเลือกพันธุ์มาอย่างดีจากต้นที่สมบูรณ์แข็งแรงที่สุด ส่งผลให้ผลผลิตที่ได้มีคุณภาพ ผลดก เนื้อสีแดงเข้ม รสชาติหวานหอม ลำต้นเตี้ย ทนทานต่อโรคแมลงเป็นอย่างดี และทุกต้นเป็นดอกสมบูรณ์เพศ นอกจากนี้ ยังทำให้ได้ต้นมะละกอพันธุ์ดี ตรงคุณภาพสายพันธุ์ ให้ผลผลิตสูง ลักษณะของผลมีความสม่ำเสมอ ต้นเตี้ย เมื่อต้นสูงประมาณ 40 เซนติเมตร ก็สามารถติดผลได้ ที่สำคัญเนื้อแน่นทนทานต่อการขนส่งทางไกล

 

ปลูกอะไรดี,การเกษตร,กรมส่งเสริมการเกษตร,ธนาคาร ธกส,ธกส,กระทรวงเกษตรและสหกรณ์,เกษตร,พืชเศรษฐกิจ,เมล่อน,ถั่งเช่า,ถังเช่า,หมามุ่ยอินเดีย,โกโก้,อินทผาลัม,ถั่วดาวอินคา,ดีปลี,พริก,หญ้าหวาน,มะเขือเทศ,มะละกอ,กล้วย,กล้วยปากช่อง50,มะละกอเรดเลดี้,พริกขาวปทุม,ทำไร่,

ศัตรูและการป้องกัน

            ถ้าพูดถึงศัตรูตัวสำคัญที่เป็นปัญหาในสวนมะละกอที่พบมากที่สุด คือ ไรแดง ซึ่งจะเข้าทำลายโดยการดูดน้ำเลี้ยงจากส่วนต่างๆ ของมะละกอ เช่น ใบ ผล ดอก หรือส่วนอ่อนๆ ของพืช มักจะระบาดในช่วงที่มีอากาศร้อนและแห้ง สามารถป้องกันได้โดย เมื่อมีการระบาดให้ตัดหรือเก็บส่วนที่เป็นที่อยู่อาศัยของไร เผาทำลาย หรือใช้สารเคมีประเภท อะคาร์ เคลเทน ไดฟอน และไอไมท์ โดยใช้ตามคำแนะนำที่ติดอยู่บนฉลากยา
        
   เพลี้ยไฟ เป็นศัตรูที่สำคัญของมะละกออีกชนิดหนึ่ง มีลำตัวขนาดเล็ก เคลื่อนไหวได้เร็วมาก ทำลายโดยการดูดน้ำจากส่วนต่างๆ ของพืช เป็นพาหะของเชื้อไวรัส มักระบาดช่วงฤดูร้อน การป้องกันทำได้โดยการใช้สารเคมีกำจัด ซึ่งต้องเปลี่ยนชนิดของสารอยู่เสมอ ไม่ควรฉีดชนิดใดชนิดหนึ่ง ยาที่ใช้ได้ผลคือ ไดเมทโซเอท คาร์โบซัลแฟน

            นอกจากนี้ ยังรวมถึงเพลี้ยอ่อน ซึ่งเป็นแมลงศัตรูที่สำคัญอีกชนิดหนึ่ง โดยมีลักษณะการทำลายโดยการดูดกินน้ำเลี้ยงจากส่วนอ่อนของต้นมะละกอ เช่น ใบอ่อน ยอดอ่อน ดอกหรือส่วนอ่อนของลำต้น ที่สำคัญเพลี้ยอ่อนยังเป็นพาหะก่อให้เกิดโรคใบด่าง ซึ่งเป็นโรคที่ร้ายแรงของมะละกอด้วย

            สำหรับการป้องกันโรคใบด่าง เกษตรกรควรระมัดระวังอย่าให้น้ำมะละกอมากเกินไป ทั้งในระยะต้นกล้าและต้นโต ไม่ควรให้ปุ๋ยประเภทไนโตรเจนมากเกินไปเพราะจะทำให้ลำต้นอวบเปราะและหักง่าย และควรหมั่นตรวจแปลงปลูก ถ้าพบต้นที่เป็นโรคให้รีบทำลาย

ขอขอบพระคุณข้อมูลดีๆจากเวปไซต์ : http://km.rubber.co.th/


  
สนใจเข้าร่วมโครงการกับสถาบันสามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทรด้านหน้าเวปไซต์

หรือ

ดาวน์โหลดแบบฟอร์มได้ที่เมนูคำสั่ง
หนังสือแจ้งความจำนงเข้าร่วมโครงการ ได้ที่ด้านหน้าเวปไซต์


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น