
Thailand ดินแดนเกษตรสมบูรณ์ ถึงเวลาแล้วที่เกษตรไทยจะพัฒนาสู่ความเป็นสากล ถ้าจะว่าไปในปัจจุบันเรายังไม่ตระหนักถึงความเป็นอยู่อย่างยั่งยืนอย่างแท้จริงเมื่่อเปรียบเทียบกับดินแดนอีกหลายดินแดนที่ยังขาดแคลนอาหาร ในหลายประเทศที่ขาดแคลนอาหารไม่มีโอกาสได้ทานอาหารครบทั้ง 3 มื้อ และครบทั้ง 5 หมู่โภชนาการ อาหารเพียงแค่จานเดียวของบางประเทศถูกแบ่งสรรปันส่วนให้คนทั้งครอบครัว ซึ่งเมื่อเทียบกับคนไทยแล้วจะเห็นได้ว่า ในหนึ่งครอบครัวสามารถเลือกรับประทานอาหารได้หลายอย่างในแต่ละมื้อ และใน 1 เมนู ยังสามารถทานได้หลายมื้ออีกด้วย ไทยแลนด์จึงเป็นดินแดนที่มีข้อได้เปรียบในหลายประเทศ แม้บางทีเศรษฐกิจจะไม่ดี ค่าใช้จ่ายไม่เพียงพอ แต่อยู่ในดินแดนของประเทศไทยแล้วรับรองได้เลยว่าไม่มีวันอดตายอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับวันนี้คือ อาหารของไทย พืชผักผลไม้จำนวนมากกำลังตกอยู่ในสภาวะที่มีสารตกค้างในร่างกาย อันเนื่องมาจากสารเคมีที่ใช้กับผลผลิตของเรา ทั้งการป้องกันกำจัดศัตรูพืชหรือสารเร่งปฏิกิริยาการเจริญเติบโตของพืช ดังนั้นแล้วเราจึงควรมาร่วมกันสนับสนุนพืชปลอดสารพิษ และส่งเสริมการเกษตรของไทยให้ก้าวไปไกลกับสถาบันเกษตร.blogspot.com

GAP คือ ค่ามาตรฐานความปลอดภัยระดับผู้บริโภค ปกติคนเราทานอาหาร ก็ต้องทานกันให้ครบทั้ง 5 หมู่โภชนาการ ตามสุขลักษณะและคุณประโยชน์จากอาหาร แต่ถ้าบางคนดื่มแอลกอฮอล์ไปพร้อมกับการรับประทานอาหารในบางมื้อ สิ่งที่เกินไปจากการทานอาหารครบทั้ง 5 หมู่ คือแอลกอฮอล์จากเครื่องดื่ม สิ่งนั้นจึงถือเป็นเคมีที่สะสมอยู่ในร่างกายที่มิใช่สารอาหารหลักที่ร่างกายต้องการ พืชหรือผลผลิตทางการเกษตรเองก็เช่นกัน พืชทานอาหารหลักเพียงแค่ 3 หมู่ คือ N P K ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่พืชต้องการ เปรียบเสมือนร่างกายคนที่ต้องการสารอาหาร 5 หมู่ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มีการเร่งผลผลิตหรือการป้องกันแมลงศัตรูพืช มีการใช้เคมีพ่นยาต่างๆภายในสวน ในไร่ ในนา หรือในฟาร์ม ก็จะทำให้พืชมีสารพิษตกค้างที่นอกเหนือจาก อาหารหลักอย่าง N P K ที่พืชต้องการ เคมีเหล่านี้ก็จะตกค้างอยู่ในพืชผักผลไม้ หรือผลผลิตทางการเกษตรที่เราทานเข้าไป เมื่อตกค้างอยู่ร่างกายสะสมทีละเล็กทีละน้อย จนมีปริมาณมากในร่างกายและประกอบกับระบบต่างๆภายในร่างกายเราทำงานได้ไม่สมบูรณ์แบบ จึงก่อให้เกิดโรคต่างๆมากมาย จากการรับประทานอาหารที่สะสมเอาเคมีเข้าไปจนเสียชีวิตเพราะการรับประทาน
ค่ามาตรฐานของความปลอดภัยในพืช GAP จะต้องไม่เกิน 40% แต่จากการตรวจพบบางรายการมีค่าเกินมาตรฐานถึง 120 % ซึ่งถือว่ามีอันตรายต่อร่างกายคนเรามากๆถ้าสะสมไว้ในร่างกาย แต่ธุรกิจคือธุรกิจ บางคนก็ไม่ได้มีจรรยาบรรณกันซะทั้งหมด ขอเพียงมียอดขายที่ดี ใครจะเป็นอะไรไปก็ไม่สน เงินคือพระเจ้า ก็ทำให้ผู้บริโภคหลายคนที่ไม่ได้มีเวลาในการหาข้อมูลหรือความรู้ในการเลือกรับประทาน ต้องตกเป็นเครื่องมือโดยปริยาย

ออแกนนิค หรือ เกษตรอินทรีย์ = คำว่า ออร์แกนิค หากแปลตรงตัวจะหมายถึงสาขาวิชาเคมีที่ว่าด้วยเคมีอินทรีย์หรือการศึกษาที่เป็นองค์ประกอบพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต จากความหมาย ออร์แกนิค ก็คือผลิตภัณฑ์ที่ปลูกโดยวิธีเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นการปลูกโดยใช้วิธีควบคุมไม่ให้มีการปนเปื้อนของสารเคมีในทุกขั้นตอนการผลิต เช่น การใช้ปุ๋ยที่ทำจากธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมีใดๆในการปลูก นอกจากนั้นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค ยังถูกควบคุมจนถึงขบวนการแปรรูปโดยให้มีการเจือปนของสารเคมีน้อยที่สุด
ไฮโดรโปนิกส์ = ไฮโดรโปนิกส์ คือ การปลูกผักโดยไม่ใช้ดิน หรือเป็นการปลูกพืชผักในน้ำที่มีธาตุอาหารพืชละลายอยู่ หรือเป็นการปลูกพืชในสารละลายธาตุอาหารพืช และอาจเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ผักไร้ดิน” ก็ได้ ซึ่งนับว่าเป็นวิธีการใหม่ในการปลูกพืชที่กำลังได้รับความนิยม โดยเฉพาะการปลูกพืชผักที่เราใช้เป็นอาหาร เนื่องจากการปลูกผักแบบไฮโดรโปนิกส์จะช่วยประหยัดพื้นที่ในการปลูกและไม่ปนเปื้อนเปื้อนสารเคมีต่าง ๆ ในดิน ทำให้ได้พืชผักที่มีความสะอาดเป็นอาหาร
ไฮโดรโปนิกส์ มีประโยชน์หลักๆ 2 ประการด้วยกัน
ประการแรกคือช่วยให้มีสิ่งแวดล้อมที่ควบคุมได้มากขึ้นสำหรับการเติบโตของพืช แทนที่จะเป็นการใช้ดินอย่างเดิม ทำให้กำจัดตัวแปรที่ไม่ทราบออกไปจากการทดลองได้จำนวนมาก ประการที่สองก็คือ พืชหลายชนิดจะให้ผลผลิตได้มากในเวลาที่น้อยกว่าเดิม และในบางครั้งก็มีคุณภาพที่ดีกว่าเดิมด้วย ซึ่งในสภาพแวดล้อมและสภาพการเศรษฐศาสตร์หนึ่งๆ การปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์จะให้ผลกำไรแก่เกษตรกรมากขึ้น และด้วยการปลูกที่ไม่ใช้ดินจึงทำให้พืชไม่มีโรคที่เกิดในดิน ไม่มีวัชพืช ไม่ต้องจัดการดิน และยังสามารถปลูกพืชใกล้กันมากได้ ด้วยเหตุนี้พืชจึงให้ผลผลิตในปริมาณที่มากกว่าเดิมขณะที่ใช้พื้นที่จำกัด นอกจากนี้ยังมีการใช้น้ำน้อยมากเพราะมีการใช้ภาชนะ หรือระบบวนน้ำแบบปิด เพื่อหมุนเวียนน้ำ เมื่อเทียบกับการเกษตรแบบเดิมแล้ว นับว่าใช้น้ำเพียงส่วนน้อยนิดเท่านั้น
ไฮโดรโปนิกส์ = ไฮโดรโปนิกส์ คือ การปลูกผักโดยไม่ใช้ดิน หรือเป็นการปลูกพืชผักในน้ำที่มีธาตุอาหารพืชละลายอยู่ หรือเป็นการปลูกพืชในสารละลายธาตุอาหารพืช และอาจเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ผักไร้ดิน” ก็ได้ ซึ่งนับว่าเป็นวิธีการใหม่ในการปลูกพืชที่กำลังได้รับความนิยม โดยเฉพาะการปลูกพืชผักที่เราใช้เป็นอาหาร เนื่องจากการปลูกผักแบบไฮโดรโปนิกส์จะช่วยประหยัดพื้นที่ในการปลูกและไม่ปนเปื้อนเปื้อนสารเคมีต่าง ๆ ในดิน ทำให้ได้พืชผักที่มีความสะอาดเป็นอาหาร
ไฮโดรโปนิกส์ มีประโยชน์หลักๆ 2 ประการด้วยกัน
ประการแรกคือช่วยให้มีสิ่งแวดล้อมที่ควบคุมได้มากขึ้นสำหรับการเติบโตของพืช แทนที่จะเป็นการใช้ดินอย่างเดิม ทำให้กำจัดตัวแปรที่ไม่ทราบออกไปจากการทดลองได้จำนวนมาก ประการที่สองก็คือ พืชหลายชนิดจะให้ผลผลิตได้มากในเวลาที่น้อยกว่าเดิม และในบางครั้งก็มีคุณภาพที่ดีกว่าเดิมด้วย ซึ่งในสภาพแวดล้อมและสภาพการเศรษฐศาสตร์หนึ่งๆ การปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์จะให้ผลกำไรแก่เกษตรกรมากขึ้น และด้วยการปลูกที่ไม่ใช้ดินจึงทำให้พืชไม่มีโรคที่เกิดในดิน ไม่มีวัชพืช ไม่ต้องจัดการดิน และยังสามารถปลูกพืชใกล้กันมากได้ ด้วยเหตุนี้พืชจึงให้ผลผลิตในปริมาณที่มากกว่าเดิมขณะที่ใช้พื้นที่จำกัด นอกจากนี้ยังมีการใช้น้ำน้อยมากเพราะมีการใช้ภาชนะ หรือระบบวนน้ำแบบปิด เพื่อหมุนเวียนน้ำ เมื่อเทียบกับการเกษตรแบบเดิมแล้ว นับว่าใช้น้ำเพียงส่วนน้อยนิดเท่านั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น